top of page
Search
  • Writer's pictureletsgotoeurope

Swiss Trip - Day1 (Luzern)


สำหรับบล็อกการเดินทางบล็อกแรกของเวบไซด์ Let's go to Europe/ไปยุโรปกันนะ ขอยกให้กับทริปไปเที่ยวประเทศสวิสเซอร์แลนด์ช่วงหน้าร้อนเมื่อปี ค.ศ. 2015 ค่ะ ไปตอนเดือนพฤษภาคม อากาศกำลังดีไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป

ตารางการเดินทางในครั้งนี้ก็จะเที่ยวอยู่แถวๆ เมืองลูเซิร์นและเมืองอินเทอร์ลาเคนเป็นหลัก เนื่องจากเป็นการไปเที่ยวประเทศนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้วก็เลยอยากจะให้เป็นทริปสบายๆ ไปเก็บบรรยากาศแบบพักผ่อนมากกว่าแบบการไปเที่ยวแบบชะโงกทัวร์นะคะ มีแผนคร่าวๆ ดังนี้

Day 1 - เดินทางถึงเมือง Luzern เดินเล่นเบาๆ ริมแม่น้ำ

Day 2 - ไปเที่ยวภูเขา Titlis กับกระเช้าไฟฟ้าที่หมุนรอบตัวเอง 360 องศา

Day 3 - ไปดูน้ำตกที่เมือง Schaffhausen และเดินเล่นที่เมือง Stein am Rhein

Day 4 - ไปเที่ยวภูเขา Schilthorn และล่องเรือที่ทะเลสาบ Thun

Day 5 - ไปเที่ยวพิพิภัณฑ์กลางแจ้งที่ Ballenberg, เดินเที่ยวเมืองหลวง Bern และเดินทางกลับจากเมือง Geneva

แล้วจะมาอัพเดทการเดินทางในแต่เมืองให้อ่านกันเพลินๆ ว่าไปเที่ยวสวิสในแต่ละวันนั้นทำอะไรได้บ้าง? เผื่อเอาไว้ให้เป็นตัวอย่างในการวางแผนเที่ยวด้วยตัวเองค่ะ สำหรับวันนี้จะพาไปเที่ยวเมืองลูเซิร์นสุดสวยกันค่ะ

นี่คือตรงด้านหน้าของสถานีรถไฟของเมืองลูเซิร์นค่ะ แค่มาถึงก็ดูอลังการแล้ว ข้างในสถานีมีร้านค้าขายของอยู่เยอะเลย ขาดเหลืออะไรมาหาเอาได้ที่ชั้นใต้ดินนะคะ

หลังจากไปเช็กอินกับที่พักเรียบร้อยแล้วก็ออกมาเที่ยวตรงกลางเมืองทันที เมืองลูเซิร์นนั้นสวยงามมากเพราะมีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง มีสะพานสวยๆ ไว้ข้ามหลายแห่งเลย อย่างตรงรูปด้านบนก็คือวิวสองข้างของแม่น้ำค่ะ

โบสถ์ Jesuit Kirche นี้ตั้งอยู่ริมน้ำ สังเกตได้ไม่ยากเพราะว่าตัวโบสถ์ตกแต่งอย่างสวยงามแบบที่ไม่ว่าใครก็ต้องเหลียวมอง นับว่าเป็นโบสถ์แบบบาโรคแห่งแรกที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ด้วยนะคะ

ข้างในโบสถ์นั้นเปิดให้เข้าไปชมได้ฟรี ภายในตกแต่งด้วยสีขาวล้วน มีการวาดภาพฝาผนังเป็นสีโทนชมพูส้มๆ ทำให้ดูสวยหวานฟรุ้งฟริ้งมากๆ นอกจากนี้ยังมีโคมระย้าห้อยอยู่ที่ห้องโถงตรงกลางทำให้หรูหราขึ้นไปอีก

ส่วนพระเอกของเมืองลูเซิร์นนั้นต้องยกให้กันสะพานไม้ Kapellbrucke แห่งนี้เลยค่ะ สวยเด่นที่สุดให้เมืองแล้ว ตัวสะพานมีความยาว 285 เมตร สร้างจากไม้มีหลังคาไว้คุ้มแดดคุ้มฝนเอาไว้ใช้ข้ามไปยังอีกฝั่งได้

ตรงนี้เป็นด้านในของสะพานค่ะ ในสมัยก่อนนั้นได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เผาเอาสะพานไปกว่าครึ่งรวมทั้งภาพวาดล้ำค่าบนสะพานไปด้วย สุดท้ายก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมางามเหมือนเดิมซึ่งเราสามารถเห็นจุดต่อระหว่างสะพานเก่ากับสะพานที่สร้างขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ระหว่างเดินชมสะพานก็อย่าลืมดูรูปภาพเหล่านี้ด้วยนะคะ

วิวสวยๆ จากสะพานค่ะ เห็นหงส์และเป็ดว่ายน้ำเล่นกันกันสนุกเลย ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำมีร้านอาหารและร้านคาเฟ่เยอะเลย สามารถนั่งพักกินขนมหรือทานอาหารริมน้ำก็ได้ (แต่ราคาแอบแพง ก่อนตัดสินใจควรดูราคาแต่ละร้านเทียบกันดีๆ)

ถ้าอยากประหยัดแนะนำให้ซื้อไอศกรีมหรือเครื่องดื่มออกมาทานนอกร้านค่ะ นั่งริมแม่น้ำก็ได้ นั่งตรงเก้าอี้ใกล้ๆ สะพานก็ได้ กินไปดูวิวไป อิ่มอกอิ่มใจสบายกระเป๋าแน่นอนค่ะ (ร้านไอศกรีม Gelati & Cafe 10 dieci หาไม่ยากค่ะ อยู่ริมแม่น้ำตรงปลายสะพานเลย ไอศกรีมเจลาโต้อร่อยมากกกกก)

ตรงข้างๆ สะพานมีหอคอยกลางน้ำเป็นรูปแปดเหลี่ยมชื่อว่า Wasserturm มีความสูง 34.5 เมตร สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 14 ในสมัยก่อนเค้าใช้หอคอยแห่งนี้หลากหลายมากค่ะ เคยเป็นที่เก็บเอกสารและสมบัติมีค่า ป้อมสังเกตการณ์ รวมทั้งใช้เป็นที่ทรมานและกักขังนักโทษด้วย (แต่ปัจจุบันกลายเป็นแลนมาร์กประจำเมืองลูเซิร์นไปแล้ว)

พอเดินเข้าไปตามถนนเส้นเล็กๆ ก็จะมาถึงตรงเขตเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยร้านค้าแล้วค่ะ ตัวอาคารคือน่ารักมากๆ แต่ละหลังก็จะทาสีไม่เหมือนกัน แถมบางหลังยังมีการวาดภาพเอาไว้ที่หน้าอาคารเลยด้วย สวยงามสุดๆ

ชอบอาคารตรงนี้จังค่ะ สีบ้านเค้าสวยงามน่าชมจริงๆ แบบเป็นเอกลักษณ์ประจำร้านนั้นๆ มีทั้งที่เป็นงานวาดมาตั้งแต่สมัยก่อนและงานวาดที่เพิ่งจะลงสีไม่กี่ปีมานี้ (แต่วาดให้ดูเก่าเข้าไว้ กลมกลืนกันดี)

น้ำใสแจ๋วกลางจตุรัสในเขตเมืองเก่าค่ะ น้ำพุของสวิสนี่สะอาดมากเลยนะคะ สามารถเอากระป๋องน้ำมารองไว้ดื่มได้เลย

ที่สุดปลายของเขตเมืองเก่าจะมีสะพานไม้สั้นๆ ตรงช่วงกักกั้นน้ำจากแม่น้ำไว้ข้ามไปอีกฝั่ง ด้านในสะพานนี้เหมือนกับสะพาน Kapellbrucke เพียงแต่ไม่มีรูปภาพประดับอยู่เท่านั้นเอง

วิวจากตรงสะพานนี้ก็สวยนะคะ เห็นอาคารริมแม่น้ำเรียงกันสวยเลย น้ำตรงนี้เชี่ยวพอสมควร มีช่วงที่น้ำตกลงแรงๆ ตรงฝายกั้นน้ำด้วย

ต่อไปจะไปปีนกำแพงเมืองเก่ากันค่ะ ข้างบนนั้นเค้าเปิดให้เดินบนกำแพงเมืองและเข้าไปดูในหอคอยได้ 3 แห่ง วิวข้างบนคือสวยจับใจจริงๆ แต่ว่าต้องเดินขึ้นเขาไปเหนื่อยพอดู จากตรงฝายกั้นน้ำนี้ให้เดินตามถนนไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ค่ะ (เรามัวแต่ดูโน่นนี่เลยหลงทางไปหน่อยกว่าจะขึ้นกำแพงก็เลยมาตรงหอคอยตรงกลางแล้ว

อันนี้เป็นป้ายข้อมูลว่ามีหอคอยอันไหนเปิดให้เข้าไปปีนดูวิวสวยๆ ได้บ้าง จากตรงฝายกั้นน้ำถ้าเดินมาตามป้ายก็จะขึ้นที่ Mannliturn ได้ แต่ว่าตอนที่ไปคือเดินเลยไปแล้วค่ะ กว่าจะได้ขึ้นหอคอยก็มาถึง Zytturn ตรงสวนแล้ว

หอคอย Zytturn ข้างในเปิดให้ขึ้นไปดูวิวได้ มีหน้าปัดนาฬิกาเก่าแก่เก็บไว้ให้ชมด้วย จากตรงนี้ก็ง่ายแล้วค่ะ แค่ปีนบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นบนสุดก็จะเห็นวิวแจ่มๆ ของเมืองลูเซิร์นแล้ว เหนื่อยแต่มันคุ้มมาก!

วิวจากตรงกำแพงค่ะ เห็นสถานีรถไฟยาวไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ด้านหลังเลย วิวอลังการสุดๆ มาเมืองลูเซิร์นแล้วต้องมาปีนกำแพงกันนะคะ

ทะเลสาบของเมืองลูเซิร์น น้ำสีฟ้าๆ ตัดกับท้องฟ้ากับภูเขาด้านหลังนี่มันสวยเกินจะบรรยายจริงๆ เห็นแล้วก็สดชื่นหายเหนื่อยจากการปีนเนินเขาเลย

อันนี้คือทางเดินบนกำแพงเมืองค่ะ เค้าทำทางเอาไว้ดีมากๆ ถึงจะแคบแต่ว่าก็เดินได้ปลอดภัยแน่นอน วิวนี่ไม่ต้องพูดถึงสวยงามจับตาจับใจจริงๆ

ตอนขาลงเลือกลงคนละฝั่งกับที่เดินมาค่ะ ทางนี้จะเดินผ่านสวนสาธารณะและบ้านคน ลงมาเรื่อยๆ จนถึงเขตเมืองเก่าอีกครั้ง (ถ้าอยากขึ้นจากฝั่งนี้ให้เดินตามป้ายรูปหอคอยแบบในรูปไปค่ะ รับรองว่าถึงแน่นอน)

เขตเมืองเก่าตรงฝั่งนี้จะเป็นร้านสมัยใหม่หน่อย มีร้านช็อคโกแลตเยอะเลยค่ะ เหนื่อยๆ ลงมาแบบนี้ชิมกันอร่อยเลย ขอบอกว่าช็อกโกแลตของประเทศสวิสนี่เข้มข้น รสนม รสโกโก้นี่มาเต็มมากๆ

พอถึงถนนใหญ่ก็เลี้ยวเดินเลียบถนนไปยังโบสถ์ Church of St. Leodegar ที่มีหอคอยคู่สูงเด่นเป็นเอกลักษณ์

ที่ฝั่งตรงข้ามเห็นคนมานั่งรับลมทะเลสาบกันเต็มเลยค่ะ ทางการเค้าวางเก้าอี้เอาไว้ให้นั่งชมวิวชิวๆ กันด้วย คุณภาพชีวิตของคนเมืองนี้นี่ดีเยี่ยมไปเลย

เดินมาแป๊บๆ ก็มาถึงบันไดของโบสถ์ Church of St. Leodegar แล้วค่ะ จุดเด่นของโบสถ์นี้ก็คือหอคอยคู่ขนาดใหญ่ที่เห็นได้ตามจุดชมวิวทั่วเมืองลูเซิร์นนี่เองค่ะ ยิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ ยิ่งดูสูงแล้วก็มีปลายแหลมมากด้วย

ตรงบริเวณโบสถ์ก็สวยแปลกตาดีนะคะ ทำเป็นซุ้มโค้งๆ รอบลานกลางโบสถ์เลย เข้าไปเดินรอบๆ ได้แต่ว่าตอนนั้นเหนื่อยแล้วค่ะ ขอชมจากด้านนอกแล้วกัน

ตรงนี้คือร้านค้าและร้านอาหารตามรายทางที่จะไปดูรูปสลักของสิงโต ร้านน่านั่งมากๆ อาคารรอบๆ ก็ตกแต่งได้สวยเลย เห็นแล้วอยากจะมาอยู่จริงๆ (แต่ค่าครองชีพโหดมากมาอยู่จริงๆ คงจะต้องเครียดแน่นอน เอาเป็นว่ามาเที่ยวแทนแล้วกันค่ะ)

เดินชมบ้านชมเรือนตามถนนมาเรื่อยๆ ก็มาถึงสวนที่เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สิงโตประจำเมืองลูเซิร์นแล้วค่ะ ที่นี่มีชื่อว่า Löwendenkmal เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เหล่าทหารสวิสผู้กล้าหาญได้ช่วยเหลือพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสค่ะ (แต่ก็ถูกสังหารหมดกองเลย)

เค้าสร้างรูปสลักนี่โดยการเจาะหินเข้าไปในหน้าผาเลยนะคะ แกะสลักออกมาได้สวยงามแถมยังให้อารมณ์โศกเศร้าอีกด้วย ว่ากันว่าสิงโตตัวนี้ยังไม่ตายแต่ว่านอนรอคอยความตายอย่างทรมานอยู่ ยิ่งดูก็ยิ่งทึ่งค่ะว่าสามารถแกะสลักหินให้แสดงอารมณ์ได้สมจริงสุดๆ ดูสีหน้าของสิงโตสิคะ....

ข้างๆ อนุสาวรีย์สิงโตมีพิพิธภัณฑ์ Gletschergarten Museum Luzern จัดแสดงประวัติเมืองรวมทั้งธารน้ำแข็งเก่าแก่ที่เคยปกคลุมพื้นที่ตรงเมืองลูเซิร์นมาก่อน (ใครมีบัตร Swiss Pass เข้าชมได้ฟรีค่ะ) พวกหินเก่าๆ ที่ถูกน้ำแข็งกัดกร่อนนี่น่าอัศจรรย์มากๆ โดนน้ำซัดซะจนกลมเกลี้ยงเลยก็มี

ภายในอาคารชั้นบนมีจัดแสดงบ้านเก่า เสื้อผ้า เครื่องแต่งบ้านสไตล์สวิสให้ดูเพลินๆ ด้วย ส่วนชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์แนววิทยาศาสตร์เกี่ยวกับทางธรณีวิทยา ชอบแบบไหนก็จัดไปค่ะ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยความรู้จริงๆ

ด้านนอกอาคารเป็นสวนค่ะ มีหลายอาคารให้เข้าไปชม มีสวนสวยๆ มีบ้านจำลอง และที่ชอบมากเลยคือมีหอคอยให้ปีนขึ้นไปดูวิวงามๆ ของเมืองลูเซิร์นด้วยนี่ล่ะค่ะ

วิวจากฝั่งนี้ก็สวยมากกกกกกกกก มองเห็นภูเขาใกล้ๆ ได้ชัด เห็นบ้านเรือเรียงๆ กันเหมือนบ้านตุ๊กตาเลย (หอคอยไม่สูงมากมีบันไดเดินเบาๆ ค่ะ)

ตอนขากลับเดินผ่านร้านขนมเบเกอรี่ แล้วก็เลยแวะซื้อขนมลักเซมเบิร์กของโปรดกลับไปด้วย ขนมนี้หน้าตาคล้ายๆ กับมากาฮงของฝรั่งเศสค่ะ แต่ว่าอันเล็กกว่า ชิ้นนึงเข้าปากพอดีคำ ครีมเยอะเข้ากับความหวานของอัลมอนด์มากๆ ใครมาสวิสต้องลองนะคะ (ร้านแนะนำคือ Sprungli ขนมลักเซมเบิร์กของที่นี่อร่อยสุดๆ เลยค่ะ)

ปิดท้ายบลอคแรกด้วยภาพสวยๆ ของหอคอยกับสะพานไม้อันเป็นสัญลักษณ์ตลอดกาลของเมืองลูเซิร์นค่ะ บลอคหน้าจะพาไปขึ้นภูเขากับกระเช้าที่หมูนรอบตัวได้ที่ Titlis ค่ะ

1,303 views0 comments

Recent Posts

See All
bottom of page